อย่าห้าวกับเขาหลวง - สุโขทัย
- โดด งาน เที่ยว
- Apr 29, 2020
- 1 min read
Updated: May 13, 2020
เมื่อใจที่โหยหาผืนป่าและภูเขา บวกกับความมั่นใจในวิชาลูกเสือของพวกเรา“ความชิบหาย”จึงเกิดขึ้น เมื่ออุปกรณ์แคมปิ้งและเดินป่าไม่พร้อม และหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาหลวงน้อยมาก ทำให้ทริปที่วาดฝันไว้ว่า เดินขึ้นเขาสบายๆ ชิลๆ แปปๆเดียวก็ถึง...
“มึงคิดผิด!!!”❌
เราขับรถส่วนตัว เริ่มจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเสียก่อนที่นี่เงียบสงบ บรรยายกาศดี สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งประวัติศาตร์ได้เป็นอย่างดี คืนแรกเราพักค้างคืนที่บ้านของ “สรรค์” สรรค์มีบ้านอยู่สุโขทัย แต่ก็ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสุโขทัยเลย ฮ่าาๆๆๆ
เช้าวันที่ 2 ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า แวะซื้อข้าวของที่จะต้องใช้ อาหาร และของที่ไม่ค่อยจะจำเป็นสักเท่าไร ในระหว่างทางที่เรากำลังจะถึง “อุทยานแห่งชาติรามคำแหง” พวกเราเห็นยอดเขาที่สูงตระหง่านมีหมอกเมฆฝนปกคลุมอยู่บริเวณยอดเขา อยู่ไกลๆ เราภาวนาว่าอย่าให้เป็นยอดเขานั้นเลย และเมื่อมาถึงก็รู้ว่า “นั่นล่ะถูกต้องแล้ว” พวกเราต้องขึ้นเขาลูกนั้นจริงๆ และถอยหลังไม่ได้แล้ววว
บริเวณหน้าที่ทำการเจ้าหน้าที่อุทยาน มีบริการเช่า เต้นท์ ผ้าปูนอน ฯลฯ ราคาไม่แพงครับและก็มีพี่ๆลูกหาบ สำหรับใครที่มี Accessories เยอะ ราคาคิดเป็น กก.ล่ะ 25-35 ( ราคามีการเปลี่ยนแปลงได้ ) ควรมาแต่เช้า เพราะลูกหาบที่นี่ พี่ๆเขามีไม่มากครับ
และพวกเราก็มาไม่ทันลูกหาบ โถเอ๋ย...เรามองดูยอดเขาเทียบกับที่ๆเรายืนอยู่ “สูงชิบหาย” เหนื่อยแน่นอน พวกเราโหลดของออกทันที เอาไปแค่ของที่จำเป็น เรามีฝืนถุงใหญ่ถุงนึงที่พอจะก่อไฟไปได้อีก 3 สัปดาห์ (เอามาไหมเยอะแยะว่ะ!!!) แล้วเราก็นึกขึ้นได้ว่า เราน่าจะซื้อเตาปิคนึกนะ จะได้ไม่ต้องไปก่อไฟ ตอนไปถึงคงจะหิวกันน่าดู แต่มันกะกะก็...สายไปแล้ววว
เมื่อทานอาหารเช้าใน อช. เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางสักที เราเริ่มเดินตอนเวลาประมาณ 10 โมงครึ่ง จากที่อ่านรีวิวมาอันน้อยนิด บอกว่าคนเดินประจำๆประมาณ 3 ชม ครึ่ง ก็ถึงแล้ว อย่างพวกเราน่าจะสัก 4-5 ชม ก็น่าจะถึง แต่ที่ในความเป็นจริงแล้ว กดไปประมาณ 7 ชม. ด้วยเส้นทางที่ไม่มีทางราบที่ขนานกับพื้นโลกเลย ทางชันและขึ้นอย่างเดียว ระยะทางเพียง 3.7 กม ทำพวกเราโครตเหนื่อย พักกันทุกๆ 10 เมตร และก็เกิดคำถามในใจขึ้นมา “กูมาทำอะไรที่นี้ว่ะ”
เวลา 13.00 น. เราก็มาถึงครึ่งทางจนได้ เป็นจุดชมวิว ที่สวยดีเหมือน และจำนวนนักท่องเที่ยวก็เยอะเหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแต่ล่ะคน ที่นั่งทิ้งร่างอยู่นั้น ก็คงไม่ต่างอะไรกับเรามากนัก นั่งพักอยู่สักพัก ก็ออกเดินต่อ เส้นทางไม่มีท่าทีที่จะเป็นทางราบเรียบเลย
เวลา 17.30 น. เมื่อขึ้นมาถึง ก็พบว่าลานกางเต้นท์ แทบจะไม่เหลือที่เลย คนค่อนข้างหนาตา เพราะเราเป็นกลุ่มท้ายๆที่มาถึง เราเดินไปขอคำปรึกษากับพี่ๆ เจ้าหน้าที่ และพี่ๆเจ้าหน้าที่ก็ใจดี พาเราแนะนำที่ดีๆให้ แล้วยังเดินไปส่งพวกเราถึงที่เองด้วย ขอบคุณนะครับ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
เมื่อกางเต้นท์เสร็จ ต่อไปก็ต้องทำอาหารกินกันสักหน่อย โชคไม่ดีเท่าไร ที่ก่อนหน้าเราขึ้นมา ฝนตกและเศษใบไม้แห้ง ที่หวังว่าจะเอามาจุดไฟกลับเปียกชุ่มและชื้น พวกเราหมกหมุ่นอยู่กับการก่อกองไฟที่มันไม่ติดสักที ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มขี่ม้าขาวมาช่วย ฮ่าๆๆ คือ เต้นท์ข้างๆพวกเราเอง คงจะสงสารหรือไม่ก็เหม็นควักจากพวกเรา ฮ่าาๆๆ พี่เขาแนะนำว่าให้เอาน้ำมันพืชเทใส่ทิชชูแล้วจุดไฟ เออว่ะ ติดจริงๆด้วยว่ะ “กูรอดดดดแล้วววว” แถมยังใจดีเอาโคมไฟมาให้พวกเรายืมด้วย ขอบคุณมากๆนะครับ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
เวลา 19.00 น. เพิ่งได้แดกข้าว ฮ่าาๆๆ ข้าวสวยร้อนๆกับหมูย่าง เป็นอะไรที่โครตอร่อย ณ เวลานี้ และเมื่ออิ่มหนำสำราญเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาทำธุระส่วนตัวกัน ห้องน้ำที่นี้แบ่งชายหญิงชัดเจน ห้องน้ำค่อนข้างเยอะ และน้ำบนนี้ก็เย็นมากเหลือเกิน
เช้าวันต่อมา อากาศดีมาก เมื่อคืนลมค่อนข้างแรง โชคดีที่พี่เจ้าหน้าที่แนะนำที่ตรงนี้ให้ ลมเลยมา ไม่ถึงพวกเราเท่าไร และทางไปผาต่างๆ ทางค่อนข้างชันเหมือนเดิม ด้วยเวลาอันจำกัด เพราะพวกเราจะกลับกันช่วงสายๆวันนี้ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน พวกเราเลยเลือกแค่ผานารายณ์ที่เดียว
กลับแล้วจ้า ขาลงทำเวลาได้เร็วกว่านิดหน่อย เหลือ 5 ชม. ทางลงที่คิดว่าหมู แต่ไม่หมูเลย แถมฝนก็ยังมาตกระหว่างทางอีก
เมื่อลงมาถึงแล้ว น้ำอัดลมเย็นๆ สักกระป๋องท่ามกลางสายฝนอันชุ่มช่ำ บรรกาศดีเลยทีเดียว สอบถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าพวกเราคือกลุ่มสุดท้ายที่ลงมาถึง ฮ่าาๆๆ
กล่าวคำอำลากับพี่ๆเจ้าหน้าที่ ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับแล้วล่ะ เขาหลวงครั้งแรกสำหรับพวกเรา เพราะด้วยความที่ไม่พร้อมนี่ล่ะ มันก็สนุกไปอีกแบบ สนุกในแบบที่มันไม่พร้อมนี่ล่ะ ฮ่าาๆๆ
ขอบคุณนะครับที่ยังอ่านกันมาถึงตรงนี่ ถ้าคุณมีประสบการณ์เรื่องความไม่พร้อม แต่อยากเที่ยว แชร์ประสบการณ์ของคุณ ให้พวกเราอ่านในเพจของเราได้เลยย...ขอบคุณนะครับ❤️
ติดตามพวกเราได้ที่...
Comments